รถกระบะไฟฟ้า ราคาเท่าไหร่ ยี่ห้อไหนดี เลือกอย่างไร ให้ตอบโจทย์การใช้งาน
เทรนด์การหันมาใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ากำลังมาแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และหนึ่งในประเภทที่น่าสนใจต้องยกให้กับรถกระบะไฟฟ้า เพราะตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน และเพื่อธุรกิจ แต่ถ้าสนใจราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่ เลือกยี่ห้อไหนถึงจะดีและคุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด วันนี้เราเตรียมข้อมูลเด็ดมาให้คุณได้ใช้วางแผนต่อกันแล้ว
ทำไมรถกระบะไฟฟ้าถึงน่าสนใจ
ในยุคที่ราคาน้ำมันโลกมาพร้อมความผันผวน ด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และปริมาณของน้ำมันที่น้อยลงเรื่อย ๆ การเลือกใช้ไฟฟ้ามาขับเคลื่อนยานพาหนะต่าง ๆ แทนถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ช่วยคุมงบประมาณการเดินทาง และขนส่งได้ดีมากขึ้น ทำให้เราได้รวมเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดการใช้ ‘รถกระบะไฟฟ้า’ มาฝากกัน
รถกระบะไฟฟ้ามีส่วนช่วยลดมลพิษทางอากาศ
รถกระบะไฟฟ้าในไทยราคามีให้เลือกหลากหลาย แถมบางรุ่นยังถูกกว่ารถน้ำมัน แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือ เมื่อขับคุณจะมีส่วนช่วยลดมลพิษทางอากาศ เพราะใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ไม่ปล่อยไอเสียหรือการเผาไหม้ ถ้าใช้กันมากขึ้นก็เท่ากับว่าสามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แบบคนละไม้คนละมือ
รถกระบะไฟฟ้าช่วยคุณประหยัด
รถกระบะไฟฟ้า ราคาไหนก็ตามช่วยให้คุณไม่ต้องเครียดกับราคาน้ำมันที่ขึ้นลงอยู่ตลอด และวางแผนค่าใช้จ่ายจากค่าไฟฟ้า ทำให้การเดินทางของคุณมีค่าใช้จ่ายคงที่มากขึ้น นอกจากเรื่องพลังงานยังถือว่ารถไฟฟ้านั้นซ่อมบำรุงน้อยกว่า เพราะไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง มีเพียงการตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ตามกำหนด
รถกระบะไฟฟ้าช่วยเพิ่มความสะดวก
รถกระบะไฟฟ้า นั้นทำให้คุณสามารถวางแผนการเดินทางได้ง่ายดายมากขึ้น เพราะคุณสามารถชาร์จไฟให้รถได้ง่าย ๆ ที่บ้านหรือที่บริษัท เพียงเตรียมมิเตอร์ไฟให้รองรับกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำ 30 แอมป์ เพื่อป้องกันการใช้ไฟที่มากเกินไป จากนั้นติดตั้งเต้าเสียบเพื่อใช้กับรถเท่านั้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปเติมน้ำมัน แล้วใช้เวลาสบาย ๆ ในพื้นที่ชาร์จของคุณกันได้แล้ว หรือถ้ายังไม่สะดวกติดตั้งก็ยังสามารถตามหาสถานีชาร์จไฟที่ทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมกันพัฒนาเพิ่มจุดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยสามารถใช้แอปพลิเคชันค้นหาได้ และมีค่าบริการที่ไม่แพงเท่าน้ำมันอย่างแน่นอน
รถกระบะไฟฟ้ามักไร้เสียงรบกวน
ลืมเสียงเครื่องยนต์ดัง ๆ กันได้เลย เพราะเมื่อเลือกใช้รถไฟฟ้าการขับขี่จะเงียบมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นคนขับไม่เร็วมากก็ยิ่งเสียงเบาลงเท่านั้น ถือว่าเป็นการช่วยลดมลภาวะทางเสียงให้กับสภาพแวดล้อมอีกทางหนึ่ง
รถกระบะไฟฟ้ามีพลังงานขับเคลื่อนได้สูง
เมื่อเป็นรถที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ แถมยังจัดว่าเป็นรถรุ่นใหม่ของวงการยานยนต์ การใช้พลังขับเคลื่อนมานั้นจึงค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยแล้วมักอยู่ที่ประมาณ 150 แรงม้าขึ้นไป มีแรงบิดที่ดีกว่าเครื่องยนต์ปกติ ออกตัวเร็ว ไม่ต้องรอรอบ ผู้ใช้รถกระบะไฟฟ้า ส่วนใหญ่รีวิวเป็นทางเดียวกันว่าขับได้แรงกว่าที่เคย ซึ่งทำให้มีความคล่องตัวในการเดินทางได้มากขึ้น
อย่าพึ่งใช้รถกระบะไฟฟ้าถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้
สำหรับรถกระบะไฟฟ้านั้นถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการยานยนต์ หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคย ดังนั้นนี่คือสิ่งที่คนสนใจรถกระบะไฟฟ้าขนาดเล็ก และใหญ่ควรรู้เอาไว้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อรถประเภทนี้มาใช้งาน
ระยะการวิ่ง
รถแต่ละรุ่นนั้นจะมาพร้อมข้อมูลระยะทางการวิ่งเมื่อชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ดังนั้นคุณต้องวางแผนให้ดีว่าปกติแล้วคุณจะใช้รถในระยะทางประมาณเท่าไร เพื่อตามหารถที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยเฉลี่ยในตอนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 300 กิโลเมตรต่อ 1 รอบการชาร์จ
เวลาในการชาร์จ
ถ้าเป็นการชาร์จที่บ้าน หรือพื้นที่ส่วนตัวของคุณเองในเรื่องระยะเวลาอาจมีความยืดหยุ่นและสะดวก แต่ถ้าอยู่ในช่วงเดินทางคุณจะต้องวางแผนในส่วนนี้กันให้ดี ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จมาตรฐานจาก 0% – 80% คือ 40-60 นาที
สถานีชาร์จ
พื้นที่การใช้งานประจำของรถกระบะไฟฟ้าราคาถูก และแพงนั้นต้องตรวจสอบก่อนซื้อกันด้วยว่ามีสถานีชาร์จอยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่คุณสะดวกหรือไม่ เพื่อให้การเดินทางเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขึ้นสำหรับคุณ
ฟังก์ชันเสริมความสะดวกอื่น ๆ
แน่นอนว่ารถไฟฟ้าแต่ละคันนั้นมาพร้อมกับความสามารถเฉพาะตัว ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้ ดังนั้นการเลือกให้เจอกับฟังก์ชันที่ใช่จะช่วยให้คุณเจอรถที่ตอบโจทย์ และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
ระยะการดูแลรักษา
เรื่องนี้ถือว่าสำคัญกับการวางแผนการใช้งานรถไฟฟ้าไม่น้อย คุณจะต้องตรวจสอบทั้งระยะเติมลม การเปลี่ยนอะไหล่ การตรวจเช็คสภาพรถตามระยะ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด
เทคนิคการเลือกรถกระบะไฟฟ้าเล็กและใหญ่ในไทยให้ตอบโจทย์การใช้งานที่สุด
มาถึงเทคนิคที่สามารถนำไปปรับใช้ในการเลือกซื้อรถกระบะไฟฟ้ากันแล้ว บอกเลยว่าจะช่วยให้คุณมองหารถที่ตอบโจทย์คุณได้ง่ายมากขึ้นอย่างแน่นอน
จุดประสงค์ในการใช้
ถือว่าเรื่องนี้มีหลากหลายจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไปทั้งขับไปทำงานเส้นทางประจำ ทำงานแบบเดินทางไกล การขับรับส่ง การขับในเมือง การเน้นขับท่องเที่ยว เมื่อตามหาคำตอบได้แล้วและพบว่าคุณมีตารางการใช้รถเยอะเกิน 70% ต่อสัปดาห์ รถไฟฟ้าเป็นคำตอบที่เหมาะสำหรับคุณอย่างแน่นอน และเลือกติดตั้งที่ชาร์จไว้ในบ้าน เย็นกลับมาชาร์จ เช้าใช้รถเดินทาง บอกเลยว่าเป็นชีวิตที่ลงตัวมากที่สุด
ประสิทธิภาพของรถยนต์
สิ่งที่ต้องตรวจสอบและนำมาวางแผนหลัก ๆ เลยคือ ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เลือกให้เหลือเพียงพอกับการใช้งาน ต่อมาคือขนาดมอเตอร์ขับเคลื่อน ถ้าคุณขับในเมืองก็ไม่ต้องแรงมาก แต่ถ้าเน้นการเดินทางขนส่งการมองหามอเตอร์ใหญ่เข้าไว้ก็ย่อมตอบโจทย์อย่างแน่นอน
ระบบระบายความร้อน
ถ้าใครมักเดินทางไกลการเลือกจากระบบนี้เป็นหลักช่วยให้คุณใช้งานได้ยาวนานคุ้มค่ามากขึ้น และยังมีผลกับเรื่องระยะเวลาการชาร์จอีกด้วย ดังนั้นเลือกระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพดีเข้าไว้ ดีกับการใช้งานทุกด้านอย่างแน่นอน
ความสามารถของแบตเตอรี่
เรื่องนี้จะพลาดที่จะโฟกัสไม่ได้ เพราะส่งผลกับระยะเวลาในการชาร์จ ยิ่งมีความสามารถในการรองรับสูงก็ยิ่งทำให้ชาร์จเต็มเร็วขึ้น มาตรฐานตอนนี้จะรองรับการชาร์จแบบ AC ที่ 3.6 kW ขึ้นไป และ DC ที่ 50 kW ขึ้นไป
บริการหลังการขาย
หลังจากซื้อรถมาแล้วบริการหลังการขายเป็นอย่างไร มีประกันรูปแบบไหน ของแถมคุ้มค่าและใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ถือเป็นความคุ้มค่าที่ไม่ควรพลาด และรวมอยู่ในราคารถเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นคุณต้องได้รับอย่างเหมาะสมมากที่สุด
รถกระบะไฟฟ้าที่น่าใช้ที่สุดในปี 2024
มาปิดท้ายกันที่รถกระบะไฟฟ้าที่น่าใช้ คุ้มค่า และกำลังเป็นที่นิยมกันดีกว่า บอกเลยว่าเหมาะกับกิจการที่ต้องการลดต้นทุนเรื่องน้ำมัน เพิ่มกำไร และความคล่องตัวในการขนส่งให้มากขึ้น รถคันไหนจะน่าสนใจมาทำความรู้จักไปพร้อมกันดีกว่า
นี่คือเจ้าแรกที่ทำตลาดอย่างเป็นทางการกับรถ EV เชิงพาณิชย์ เป็นกระบะแบบตอนเดียว ที่ให้คุณใช้พลังไฟฟ้าได้แบบ 100% ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. วิ่งได้ 300 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 17 นิ้ว ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ราคาเริ่มต้นที่ 990,000 บาท
EV Pickup Truck Double Cab
ตัวนี้เป็นรถกระบะไฟฟ้าแบบ 4 ประตู ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 65 kWh ระยะเวลาในการชาร์จไฟ แบบ DC อยู่ที่ 60 นาที วิ่งได้ระยะทาง 350 กม. ที่สำคัญคือสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากถึง 3,000 กิโลกรัมเลยทีเดียว ราคาเริ่มต้นที่ 1.49 ล้านบาท